วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

(ผม) อาจมิใช่เช่นใครคาดหวัง


คนที่จะหยิบหนังเรื่องนี้มาดู มีอยู่ 3 ประเภท ประเภทแรก คือ แฟนพันธุ์แท้ของ "สแตนลีย์ คิวบริก" (ซึ่งน่าจะมีจำนวนมากที่สุด) ประเภทที่ 2 คงจะเป็นแฟนของ "จอห์น มัลโควิช" (จำนวนคงลดลงมาสักหน่อย) ส่วนประเภทที่ 3 น่าจะเป็นคนชอบดูหนัง มีอะไรก็ดู (เชื่อว่า-กลุ่มนี้อาจจะมีผิดหวังกันบ้าง)
หลังจากชมแล้ว แฟนๆ ของสแตนลีย์ คิวบริก ยอดผู้กำกับหนังฮอลลีวูด อาจจะงงเป็นไก่ตาแตก ด้วยหลงเชื่อจริงจังไปกับบทบาท "อลัน คอนเวย์" ของจอห์น มัลโควิช ในเรื่อง โอ๊ะ...โอว์ พระเจ้าจอร์จ... สแตนลีย์ คิวบริกเป็น "แต๋ว" หรือนี่ ตกข่าวอะไรกันรึเปล่า...
ที่ไหนได้ Colour Me Kubrick เล่าเรื่องราว (ที่อ้างว่าเป็นเรื่องจริง) ของนายอลัน คอนเวย์ (จอห์น มัลโควิช) หนุ่ม (ใหญ่) ลักเพศชาวอังกฤษ ซึ่งจำแลงแต่งเรื่องราวว่าตัวเขาเป็นยอดผู้กำกับดัง นาม สแตนลีย์ คิวบริก เจ้าของผลงาน Spartacus, 2001: A Space Odyssey, A Clockwork Orange, The Shining และอื่นๆ อีกมากมาย สอดแทรกเข้าใช้ชิวิตในแวดวงไฮโซ ด้วยการเข้าไปพูดคุยตีสนิทกับนักแสดง นักแต่งเพลง นักธุรกิจไนต์คลับมากมาย โดยเฉพาะหนุ่มๆ หน้าตาหล่อเหลานั้นสนใจเป็นพิเศษ จนปั่นป่วนวุ่นวายกันไปทั้งวงการ โดยอาศัยช่องว่างตรงที่สแตนลีย์ตัวจริงไม่ค่อยออกมาเผยโฉมหน้า หรือออกมาให้สัมภาษณ์มากนัก ทั้งที่เขารู้เพียงนิดหน่อยเกี่ยวกับผลงานของผู้กำกับดังและไม่มีส่วนละม้ายคล้ายสแตนลีย์เลยสักนิด
ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกเปิดโปงอย่างเป็นทางการ โดยนักหนังสือพิมพ์รายหนึ่งของนิวยอร์กไทม์ เช่นเดียวกับการถูกเปิดโปงโดยกลุ่มย่อยๆ ที่โดยเขาหลอกไปก่อนหน้านี้
อารมณ์ของอลัน คอนเวย์ในเรื่องสลับกันระหว่างความลวงโลก กับความเชื่อจริงๆ ว่าตัวเขานั้นเป็นสแตนลีย์ คิวบริก หลายๆ ครั้งที่อลันพยายามจะบอกคนอื่นว่า เขาคือ อลัน คอนเวย์ แต่คนอื่นมักจะเรียกเขาว่า สแตนลีย์ ไปๆ มาๆ เขาก็กลายเป็นสแตนลีย์ไปอีกครั้ง ผู้ชมต้องไปค้นหาคำตอบว่า เขาเป็นบ้า เขาชอบหลอกตัวเอง หรือแค่อยากจะเป็น "ซัมบอดี" คนสำคัญในสังคม ไม่ก็อยากจะมีเหล้ากินไปวันๆ กันแน่
หนังกำกับโดย ไบรอัน ดับเบิลยู. คุก ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้สแตนลีย์ คิวบริกมาเป็นเวลากว่า 25 ปี ทีเดียว เริ่มแรกทีเดียวไบรอันต้องการจะสร้างเป็นสารคดีชีวิตอลัน แต่ไปๆ มาๆ ได้พัฒนาเป็นโครงการภาพยนตร์ขนาดยาวแนวตลก/ชีวิตเสียอย่างงั้น
เพลงประกอบหลายตอนที่ไบรอันยืมมาจากหนังของเจ้าตำรับตัวจริง อย่าง สแตนลีย์ ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินให้แฟนพันธุ์แท้ของยอดผู้กำกับได้พอสมควร ขณะที่ไบรอันก็ยังใส่มุกต่างๆ สอดแทรกเอาไว้เป็นรายละเอียดตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างร้านชื่อว่า "บลูดานูป" อันเป็นเพลงโปรดของสแตนลีย์ และเป็นหนึ่งในเพลงประกอบที่เขายืมมาใช้ เอาไว้ใกล้ๆ กับอพาร์ตเมนต์ของอลัน คอนเวย์
Colour Me Kubrick ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในประเภทหนังตลก โดยส่วนมากแล้วจะเป็นอารมณ์ตลกที่คำพูดแบบหนังอังกฤษโดยแท้ (ต้องเอียงหูกระดิกสำเนียงอังกฤษกันหน่อย เพราะเวอร์ชันที่ขายในเมืองไทยมีแต่ซับไตเติลภาษาสเปนเสียฉิบ ตอนนี้อาจมีภาษาอังกฤษหรือไทยแล้ว)
การพลิกบทบาทของจอห์น มัลโควิช จากบทนักฆ่าหรือฆาตกรโรคจิต มาเป็นบทชายลักเพศที่ดัดขนตางอนเป็นนิจ แถมเรียวปากยังประดับด้วยลิปกลอสสีชมพูแวววาวตลอดเวลา ตลอดจนการพูดการจาที่แสน "ดัดจริต" นั้นก็ทำได้น่าสนใจจริงๆ (ถึงขั้นทำให้สับสนเรื่องเพศแท้ๆ ของสแตนลีย์ คิวบริกตัวจริงไปเลย)
แค่การแสดงของจอห์นก็ดูเพลินได้หลายๆ รอบโดยไม่เบื่อ ที่เพลิดเพลินกว่า ก็คือ ตลกเสียดสีแบบอังกฤษก็มีให้ค้นหามาขำมากมายในหนังเรื่องนี้ แม้ข้อมูลที่เคยได้จากอินเทอร์เน็ตรายต่างๆ จะไม่ค่อยปลื้มและไม่ค่อยเก็ต Colour Me Kubrick กันเท่าไรนัก
เอ... หรือนี่จะเป็นรสนิยมส่วนตัวของผู้เขียนกันหนอ?

ไม่มีความคิดเห็น: