วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชีวิตในความมืด



Wciemnosci (InDarkness)
ปี: 2011 
ประเทศ: โปแลนด์ 
ภาษา: โปล 
ประเภท: ชีวิต/สงคราม
เรตติ้ง: R (เด็กอายุต่ำกว่า18ปีไม่ควรชม)
ความยาว: 145 นาที
กำกับ: แอกนิสซกา ฮอลแลนด์
แสดงนำ: โรเบิร์ต เวียสเควิชซ์/ เบนโน ฟูร์มันน์/ แอกนิสซกา โกรโชว์สกา/ มาเรีย ชเรเดอร์/ เฮอร์เบิร์ต คโนป/ คริสตอฟ สโคนิสซนี/ มิคาล ซูรอว์สกี


เรื่องหลายมุมของชาวยิวผู้รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับการถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์W ciemnosci หรือ In Darkness คือเรื่องจริงของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่รอดชีวิตจากการหลบซ่อนตัว อยู่ในท่อระบายน้ำอันซับซ้อนราวเขาวงกตของเมืองละวอฟ

เลโอโปลด์ (โปลเดค) โซชา (โรเบิร์ตเวียสเควิชซ์) คนงานในท่อระบายน้ำ ที่มีไซด์ไลน์เป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย กับคู่หูหนุ่มของเขา เซซเปค โรเบลสกี (คริสตอฟสโคนิสซนี) ใช้ชีวิตส่วนใหญ่โดดเข้าโดดออกอยู่ในท่อระบายน้ำ ของเมืองละวอฟประเทศโปแลนด์

ทั้งคู่รู้จักท่อระบายน้ำของละวอฟทุกกระเบียดนิ้ว เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ทำงาน อาศัยเป็นทางลัด เดินทางไปมาในเมือง รวมถึงดอดออกไปลักเล็กขโมยน้อยตามบ้านเศรษฐีแล้ว พวกเขายังนำเอาข้าวของที่ขโมยมาซ่อนเอาไว้ในรอยแตกของท่ออีกต่างหาก

วันหนึ่งระหว่างเดินไปมาในท่ออันแสนมืดมิดตามปกติ เลโอโปลด์ และ เซซเปค ก็เจอกับชาวยิวกลุ่มหนึ่ง นำโดย มุนเดค มาร์กูเลส (เบนโน ฟูร์มันน์) กับ อิกนาซี่ ชีเกอร์ (เฮอร์เบิร์ต คโนป) ยิวผู้มีอันจะกินที่เจาะพื้นบ้านในบ้านของตัวเองลงมายังท่อระบายน้ำ เอาไว้เป็นทางหนีทีไล่

อิกนาซี่ รีบยื่นนาฬิการาคาแพงให้เพื่อปิดปากเลโอโปลด์ กับ เซซเปค ขณะที่หัวขโมยหัวใสรีบยื่นข้อเสนอในการพาหนีทันที แลกกับเงินทองที่กลายเป็นของนอกกายคนยิวไปแล้ว

กระทั่งถึงวันเสียงปืนแตก ทหารนาซีเริ่มทำการกวาดล้างชุมชนยิว โดยบังคับให้พวกเขาออกจากบ้านไปอยู่ในค่ายกักกันเลโอโปลด์ ผู้รู้จักเส้นทางในท่อระบายน้ำดีราวกับมือตัวเอง รีบไปรับกลุ่มชาวยิวที่จะหนีลงท่อตามสัญญา

ราว 14 เดือนที่ต้องอยู่ภายในท่อ พวกเขาต้องอยู่ให้เคยชินกับความมืด ความชื้นและหนู อาหารกับน้ำที่ไม่เพียงพอผสมผสานกับความเครียดเรื่องชีวิตที่ไม่แน่นอน ทำให้หลายๆ คนเริ่มป่วย และใกล้บ้า บางคนก็เริ่มหนีไปตายเอาดาบหน้า

ในเบื้องแรกที่เลโอโปลด์ทำก็เพราะอยากได้เงิน ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นความผูกพัน และถูกมนุษยธรรมครอบงำ แม้ทางการเริ่มระแคะระคาย กระทั่งเซซเปคก็ไม่เอาด้วยแล้ว ส่วนนายตำรวจคนสนิทอย่างบอร์ตนิค (มิคาล ซูรอว์สกี) ก็มากดดันให้เขานำทางไปหายิวที่ซ่อนในท่อ ยังไม่อาจหยุดเขาได้ หรือแม้จะเป็นวันรับศีลของลูกสาวคนเดียวของเขาเองก็ตาม...

ความสัมพันธ์ระหว่างคาทอลิกโปลกับยิวโปล ดูคล้ายเนื้อหาใน Schindler's List ของสตีเว่น สปีลเบิร์ก (ซึ่งเรื่องราวเกิดในเชโกสโลวาเกีย) ทั้งเลโอโปลด์ โซชา และออสการ์ ชินด์เลอร์ ต่างก็ดูแสนจะไร้เหตุไร้ผลในการกระทำของพวกเขาเหมือนๆ กันอีกต่างหาก

นับเป็นเวลา 20 ปี นับจาก Europa, Europa แอกนิสซกา ฮอลแลนด์ จับเอาเรื่องจริงของชาวยิวผู้รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเล่าให้ฟังกันอีกครั้ง แล้วก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ได้รับเลือกให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม

W ciemnosci นั้นไม่น่ารักสดใสเท่ากับเรื่องราวของ โซโลมอน ยิวหนุ่มที่จับพลัดจับผลูไปอยู่ในกลุ่มยุวชนทหารนาซี ใน Europa,Europa หากเต็มไปด้วยความอึดอัด กดดันหม่นมัว อารมณ์กลัวที่แคบ ด้วยอารมณ์ของเรื่องที่พาไปในท่อน้ำสุดอับชื้น และเหม็นหึ่ง

ท้ายที่สุด ผู้รอดชีวิตของ แอกนิสซกามิใช่หมายความเพียงกลุ่มชาวยิวเพียงหยิบมือหนึ่งในท่อเท่านั้น แต่ย่อมเป็น เลโอโปลด์เอง ที่ไม่ปล่อยให้ความขลาดเขลาอยู่เหนือมนุษยธรรม

อันเป็นสิ่งที่สังคมทุกแห่งในทุกยุคทุกสมัยต้องการ

กว่าจะเป็นสันตะปาปา


Habemus Papam (We Have a Pope)

ปี 2011
ประเทศ อิตาลี
ภาษา อิตาเลียน
ประเภท ชีวิต / ศาสนา / ตลก
เรตติ้ง PG
ความยาว 104 นาที
กำกับ นานนี โบเรตติ
แสดงนำ มิเคล ปิคโคลิ / นานนี โบเรตติ / เยร์ซี สตูหร์ / เรนาโต สคาร์ปา / กามิลโย มิล์ยี







เรื่องราวเกี่ยวกับการขึ้นมาเป็นสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ประมุขแห่ง คริสตจักรของโลก ไม่น่าจะมาทำให้เป็นหนังตลกได้ แต่ นานนี โมเรตติ ทำไปแล้ว...

เปิดเรื่องมาด้วยการสวรรคตของ พระสันตะปาปาพระองค์ก่อน ทำให้บรรดาพระราชาคณะ ของคริสตจักรนิกายคาทอลิกจากทั่วโลก เดินทางมายังกรุงวาติกัน

นอกจากจะเพื่อมาส่งสันตะปาปาพระองค์เก่าสู่อ้อมแขนพระเจ้าแล้ว ยังมาเพื่อที่จะมาทำหน้าที่สำคัญก็คือ ร่วมประชุมลับเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่จะมาเป็นประมุขพระองค์ใหม่แห่งศาสนจักร

หลังจากนับคะแนนอยู่หลายรอบ บรรดาผู้ศรัทธา รวมถึงสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอที่จะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์สันตะปาปาพระองค์ใหม่ ได้แต่เห็นควันดำ (หมายถึงยังเลือกไม่ได้) ลอยออกมานอกปล่องไฟสัญลักษณ์ ผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า ในที่สุดควันสีขาวก็ถูกปล่อยออกมา โดยภายในห้องนับคะแนน ชื่อของพระราชาคณะเมลวิลล์ (มิเคล ปิคโคลิ) ได้รับการขานออกจากใบคะแนนครั้งแล้วครั้งเล่า

ในที่สุด พวกเขาก็ ได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว...

ทว่า ขณะที่เตรียมจะประกาศต่อสาธารณะ ด้วยการออกปรากฏตัวและอำนวยพรสาธารณชนครั้งแรก พระสันตะปาปาเมลวิลล์ก็เกิดสติแตกขึ้นมา พระองค์ทรงกรีดร้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ และปฏิเสธที่จะออกไปทักทายประชาชน ผู้ศรัทธาจากทั่วโลก ที่เฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของพระองค์อย่างใจจดจ่อ

จิตแพทย์เบรซซี (นานนี โมเรตติ) ได้ รับการเรียกตัวเข้ามาตรวจอาการของ พระสันตะปาปา หลังจากที่แพทย์ภายใน กรุงวาติกันตรวจร่างกายแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่จะตรวจกันได้อย่างไร ในเมื่อบรรดา พระราชาคณะทั้งหลาย รวมทั้งตำรวจสวิส และโฆษกของวาติกัน (เยร์ซี สตูหร์) ไม่ปล่อยให้พระองค์ทรงอยู่ลำพังกับจิตแพทย์

เบรซซี แนะนำให้ทางวาติกันส่งสันตะปาปาไปคุยกับภรรยาของเขา ซึ่งเป็นจิตแพทย์เหมือนกันแบบไม่เปิดเผยตัว แม้จะไม่มีใครเห็นด้วย แต่เมื่อองค์สันตะปาปายังไม่ยอมเปิดเผยตัวสู่สาธารณะ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก

หลังพูดคุยกับจิตแพทย์สาว ยิ่งดูเหมือนองค์สันตะปาปาทรงมีความในใจที่หนักอึ้งมากมาย พอสบโอกาสพระองค์ก็ทรงวิ่งหนีไปจากโฆษกวาติกัน เพราะทรงต้องการที่จะคิดอะไรเงียบๆ ตามลำพัง

โฆษกวาติกันตามหาองค์พระสันตะปาปาไม่พบ จึงกลับสั่งให้นายทหารสวิสรักษาพระองค์ แสร้งทำตัวเป็นพระสันตะปาปา เดินไปเดินมาในห้องบรรทมไปพลางๆ

ขณะที่ตามกฎแล้ว หากพระสันตะปาปายังไม่ทรงปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรก ทุกคนที่รู้ความลับนี้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากวาติกัน เบรซซีที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะต้องแสร้ง "ลาป่วย" เพราะติดอยู่ในวาติกันไปถึงเมื่อไร เลยอาศัยเวลาว่างๆ เช็กสุขภาพบรรดาราชาคณะทั้งหลายไปพลางๆ แล้วก็พบว่า เหล่าผู้นำชั้นสูงของศาสนาทั้งหลายนอกจากไม่เคยออกกำลังกายแล้วยังกินยาผิดๆ ถูกๆ เขาเลยออกไอเดียจัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันวอลเลย์บอลสงฆ์โลกซะ เพราะไหนๆ ราชาคณะก็มากันทั้งโลกแล้ว

เวลาเดียวกัน องค์สันตะปาปาได้ทรงไปใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มนักแสดงละครเวที กำลังปะติดปะต่อส่วนเสี้ยวของชีวิตและความทรงจำที่หายไปให้กลับคืนมา...

วันหนึ่ง พระองค์ก็พร้อมแล้วที่จะออกมาอำนวยพรต่อสาธารณชนครั้งแรก...

นานนี โมเรตติ เผยให้เห็นโลกอีกด้านของบรรดาราชาคณะทั้งหลาย ที่ดูไปก็แทบไม่ต่างจากมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ หนังขำกำลังพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีมุขมากมายที่ไม่คาดฝันให้เห็นในเรื่องนี้ กับตอนจบแบบหักมุมสุดคลาสสิก แสดงความฉลาดล้ำเลิศของบทหนังทุนต่ำที่ทำออกมาได้ในระดับสากล

การตั้งคำถามและการเดินทางไปตรวจสอบด้านมืดในจิตใจตัวเองขององค์พระสันตะปาปาในเรื่อง เปรียบประหนึ่งความคิดดีๆ ที่ผู้นำทุกระดับในโลกนี้ควรต้องตรวจสอบตัวเองบ้าง แม้ว่าผู้คนจะยอมรับ และลงคะแนนเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่...

หากทว่า คุณเหมาะสมจริงแล้วใช่มั้ย? สำหรับภาระที่จะนำมาแบกไว้บนบ่า