วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เส้นยาแดงของ 'นักบุญ' กับ 'คนบาป'




เรื่องราวสร้างจากเรื่องจริงในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 Saints and Soldiers เล่าชีวิตความผูกพันของ ทหาร ฝ่ายพันธมิตรกลุ่มเล็กๆ ที่หลงเข้าไปอยู่ในวงล้อมของศัตรู ทว่าเขากุมข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยชีวิต ทหารอเมริกัน ได้นับพันคน เพียงแต่พวกเขาจะต้องเดินทางฝ่าวงล้อม

ของศัตรู ท่ามกลางพายุหิมะที่หนาวเหน็บออกป่าอาร์แดนส์ของเบลเยียมไปให้ได้

การต่อสู้ที่นองเลือดและยืดเยื้อในสมรภูมินี้ ได้รับขนานนามว่า การต่อสู้แห่งบัลจ์ เกิดในปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1944 กองทัพเยอรมันสามารถรุกคืบเข้ามาจับกุมหทารอเมริกันจำนวนมากไปเป็นเชลย ณ ทุ่งกว้างอันเต็มไปด้วยน้ำแข็งใกล้ๆ กับ มัลเมอดี ประเทศเบลเยียม

ภาพยนตร์เปิดฉากขึ้นที่ทุ่งกว้างแห่งนี้ เมื่อทหารอเมริกันจำนวนหนึ่งพยายามจะหลบหนี ฝ่ายเยอรมันจึงเปิดฉากระดมยิงเขาใส่ทหารอเมริกันที่ถูก ปลดอาวุธ ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นการ ฆาตกรรมหมู่ที่มัลเมอดี

พลทหารนาทาน "ดีคอน" เกรียร์ และเพื่อนร่วมเมือง อย่าง จ่ากอร์ดอน กันเดอร์สัน และทหารอเมริกันอีก 2 นาย รอดจากการฆาตกรรมหมู่ด้วยการทำเป็นแกล้งตาย ก่อนที่จะพากันหลบหนีเข้าป่า และวางแผนเดินทางไปสมทบกับกองทหารอเมริกัน กระทั่งพบกับ โอเบอรอน วินลีย์ สายลับชาวอังกฤษ ซึ่งกำลังจะนำข้อมูลลับไปส่งให้กองทัพอเมริกัน ทว่า เครื่องบินของเขาถูกฝ่ายเยอรมันสอยตกมาในป่า

การเดินทางฝ่าวงล้อมออกไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว แต่พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับความหนาวเหน็บ ทั้งยังไม่มีอาหาร น้ำ และอาวุธ การเอาตัวรอด อาจสร้างได้ทั้งความสามัคคี ความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง รวมทั้ง ความเห็นแก่ตัวในเวลาเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสถานการณ์อันไม่ปกติ อาจจะเป็นสิ่งที่ต้องเป็นไปเยี่ยงที่ควรจะเป็นของมนุษย์ปุถุชน

Saints and Soldiers ภาพยนตร์ทุนต่ำ ผลงานของ ไรอัน ลิตเติล ยังสอดแทรกเรื่องราวของศาสนา ความเชื่อ ศรัทธา และปาฏิหาริย์...

พลทหารดีคอน อดีตหมอสอนศาสนา ซึ่งเคยเดินทางมาเผยแผ่ลัทธิมอร์มอน ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อมาฝึกเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ เขาเป็นพลแม่นปืนที่ไม่เคยยิงพลาดเป้ามาก่อน แต่เมื่อเขายิงใส่ทหารเยอรมันคนหนึ่งที่กำลังหลบหนี เห็นชัดๆ ว่า ยิงถูกเป้าแน่ๆ หากกระสุนกลับไม่ระคายทหารคนนั้นแม้เล็กน้อย ภายหลังจึงพบว่า ทหารเยอรมันคนนั้น คือหมอสอนศาสนาเพื่อนเก่าที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันขณะที่ดีคอนอยู่ในกรุงเบอร์ลิน

แม้ภาพยนตร์จะดึงเอาเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ที่มัลเมอดีมาเป็นเหตุการณ์หลัก ทว่า การเล่าเรื่องของ ไรอัน ลิตเติล ทำได้อย่างสละสลวยงดงามราวกับบทกวี และงานศิลปะ ฉากความเป็นความตาย และฉากสู้รบอันน่าหวาดเสียวมิใช่ประเด็นสำคัญไปกว่าการเน้นไปที่อารมณ์ ความรู้สึก ความรัก ความผูกพัน มนุษยธรรม รวมทั้งความหวังที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ภายหลังสงคราม

คาแรคเตอร์ของตัวละครหลักๆ ทั้ง 5 คน ที่สร้างเอกลักษณ์ประจำตัวออกมาได้อย่างโดดเด่น และสร้างความรักความอาลัยให้เกิดกับผู้ชม เช่นเดียวกับความผูกพันกันเองของตัวละครในเรื่อง รวมถึงความชาญฉลาดในการเล่าเรื่องก็เป็นเสน่ห์ให้คนติดตาม Saints and Soldiers ตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย ที่บรรจุไว้ทั้งอารมณ์ลุ้นระทึก อารมณ์ดรามา และความมีศิลปะในการนำเสนอ ขนาดที่แทบจะลืมความเป็นภาพยนตร์ทุนต่ำไปเสียสนิทใจ ถ้าใครชอบ Saving Private Ryan กับ The Thin Red Line หรือภาพยนตร์คลาสสิก อย่าง The Big Red One ก็น่าจะลองชมภาพยนตร์เรื่องที่ไม่มีดารา "บิ๊กเนม" สักคนเดียว แต่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจเรื่องนี้

ว่ากันว่า ไม่มีใครผิดใครถูกใน สงคราม และความรัก เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่พยายามนำเสนอว่า อะไรกันหนอคือเครื่องบ่งชี้ระหว่าง ดี-ชั่ว และเส้นแบ่งระหว่าง "นักบุญ" กับ "คนบาป" จะอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ที่แท้แล้วคำตอบจะมีอยู่จริงหรือ...

Saints and Soldiers กวาดรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จาก เทศกาลภาพยนตร์ ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แบร์เฟสต์ หรือเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ บิ๊ก แบร์ เลค / เทศกาลภาพยนตร์กลอเรีย / เทศกาลภาพยนตร์ฮาร์ตแลนด์ / อินดิเพนเดนต์ สปีริต อวอร์ดส์ / เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลองบีช / เทศกาลภาพยนตร์มาร์โค / เทศกาลภาพยนตร์โอไจ / เทศกาลภาพยนตร์ซาคราเมนโต / เทศกาลภาพยนตร์ซานดิเอโก / เทศกาลภาพยนตร์เซนต์จอร์จ เอคลิปส์ / เทศกาลภาพยนตร์สโตนี บรุค / เทลลูไรด์ อินดีเฟสต์ และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เทเมคูลา วัลลีย์

ไม่มีความคิดเห็น: