วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กว่าจะเป็นสันตะปาปา


Habemus Papam (We Have a Pope)

ปี 2011
ประเทศ อิตาลี
ภาษา อิตาเลียน
ประเภท ชีวิต / ศาสนา / ตลก
เรตติ้ง PG
ความยาว 104 นาที
กำกับ นานนี โบเรตติ
แสดงนำ มิเคล ปิคโคลิ / นานนี โบเรตติ / เยร์ซี สตูหร์ / เรนาโต สคาร์ปา / กามิลโย มิล์ยี







เรื่องราวเกี่ยวกับการขึ้นมาเป็นสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ประมุขแห่ง คริสตจักรของโลก ไม่น่าจะมาทำให้เป็นหนังตลกได้ แต่ นานนี โมเรตติ ทำไปแล้ว...

เปิดเรื่องมาด้วยการสวรรคตของ พระสันตะปาปาพระองค์ก่อน ทำให้บรรดาพระราชาคณะ ของคริสตจักรนิกายคาทอลิกจากทั่วโลก เดินทางมายังกรุงวาติกัน

นอกจากจะเพื่อมาส่งสันตะปาปาพระองค์เก่าสู่อ้อมแขนพระเจ้าแล้ว ยังมาเพื่อที่จะมาทำหน้าที่สำคัญก็คือ ร่วมประชุมลับเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่จะมาเป็นประมุขพระองค์ใหม่แห่งศาสนจักร

หลังจากนับคะแนนอยู่หลายรอบ บรรดาผู้ศรัทธา รวมถึงสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอที่จะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์สันตะปาปาพระองค์ใหม่ ได้แต่เห็นควันดำ (หมายถึงยังเลือกไม่ได้) ลอยออกมานอกปล่องไฟสัญลักษณ์ ผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า ในที่สุดควันสีขาวก็ถูกปล่อยออกมา โดยภายในห้องนับคะแนน ชื่อของพระราชาคณะเมลวิลล์ (มิเคล ปิคโคลิ) ได้รับการขานออกจากใบคะแนนครั้งแล้วครั้งเล่า

ในที่สุด พวกเขาก็ ได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว...

ทว่า ขณะที่เตรียมจะประกาศต่อสาธารณะ ด้วยการออกปรากฏตัวและอำนวยพรสาธารณชนครั้งแรก พระสันตะปาปาเมลวิลล์ก็เกิดสติแตกขึ้นมา พระองค์ทรงกรีดร้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ และปฏิเสธที่จะออกไปทักทายประชาชน ผู้ศรัทธาจากทั่วโลก ที่เฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของพระองค์อย่างใจจดจ่อ

จิตแพทย์เบรซซี (นานนี โมเรตติ) ได้ รับการเรียกตัวเข้ามาตรวจอาการของ พระสันตะปาปา หลังจากที่แพทย์ภายใน กรุงวาติกันตรวจร่างกายแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่จะตรวจกันได้อย่างไร ในเมื่อบรรดา พระราชาคณะทั้งหลาย รวมทั้งตำรวจสวิส และโฆษกของวาติกัน (เยร์ซี สตูหร์) ไม่ปล่อยให้พระองค์ทรงอยู่ลำพังกับจิตแพทย์

เบรซซี แนะนำให้ทางวาติกันส่งสันตะปาปาไปคุยกับภรรยาของเขา ซึ่งเป็นจิตแพทย์เหมือนกันแบบไม่เปิดเผยตัว แม้จะไม่มีใครเห็นด้วย แต่เมื่อองค์สันตะปาปายังไม่ยอมเปิดเผยตัวสู่สาธารณะ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก

หลังพูดคุยกับจิตแพทย์สาว ยิ่งดูเหมือนองค์สันตะปาปาทรงมีความในใจที่หนักอึ้งมากมาย พอสบโอกาสพระองค์ก็ทรงวิ่งหนีไปจากโฆษกวาติกัน เพราะทรงต้องการที่จะคิดอะไรเงียบๆ ตามลำพัง

โฆษกวาติกันตามหาองค์พระสันตะปาปาไม่พบ จึงกลับสั่งให้นายทหารสวิสรักษาพระองค์ แสร้งทำตัวเป็นพระสันตะปาปา เดินไปเดินมาในห้องบรรทมไปพลางๆ

ขณะที่ตามกฎแล้ว หากพระสันตะปาปายังไม่ทรงปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรก ทุกคนที่รู้ความลับนี้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากวาติกัน เบรซซีที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะต้องแสร้ง "ลาป่วย" เพราะติดอยู่ในวาติกันไปถึงเมื่อไร เลยอาศัยเวลาว่างๆ เช็กสุขภาพบรรดาราชาคณะทั้งหลายไปพลางๆ แล้วก็พบว่า เหล่าผู้นำชั้นสูงของศาสนาทั้งหลายนอกจากไม่เคยออกกำลังกายแล้วยังกินยาผิดๆ ถูกๆ เขาเลยออกไอเดียจัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันวอลเลย์บอลสงฆ์โลกซะ เพราะไหนๆ ราชาคณะก็มากันทั้งโลกแล้ว

เวลาเดียวกัน องค์สันตะปาปาได้ทรงไปใช้ชีวิตอยู่กับกลุ่มนักแสดงละครเวที กำลังปะติดปะต่อส่วนเสี้ยวของชีวิตและความทรงจำที่หายไปให้กลับคืนมา...

วันหนึ่ง พระองค์ก็พร้อมแล้วที่จะออกมาอำนวยพรต่อสาธารณชนครั้งแรก...

นานนี โมเรตติ เผยให้เห็นโลกอีกด้านของบรรดาราชาคณะทั้งหลาย ที่ดูไปก็แทบไม่ต่างจากมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ หนังขำกำลังพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป มีมุขมากมายที่ไม่คาดฝันให้เห็นในเรื่องนี้ กับตอนจบแบบหักมุมสุดคลาสสิก แสดงความฉลาดล้ำเลิศของบทหนังทุนต่ำที่ทำออกมาได้ในระดับสากล

การตั้งคำถามและการเดินทางไปตรวจสอบด้านมืดในจิตใจตัวเองขององค์พระสันตะปาปาในเรื่อง เปรียบประหนึ่งความคิดดีๆ ที่ผู้นำทุกระดับในโลกนี้ควรต้องตรวจสอบตัวเองบ้าง แม้ว่าผู้คนจะยอมรับ และลงคะแนนเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่...

หากทว่า คุณเหมาะสมจริงแล้วใช่มั้ย? สำหรับภาระที่จะนำมาแบกไว้บนบ่า

ไม่มีความคิดเห็น: